ปลด CEO แมคโดนัลด์ – วันที่ 4 พ.ย. สื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานตรงกัน ถึงเก้าอี้ CEO McDonald ของนายสตีฟ อีสเตอร์บรู๊ค (Steve Easterbrook) กระเด็นจากการถูกปลดเนื่องจากเจ้าตัวมีความสัมพันธ์กับพนักงานหญิง ซึ่งเป็นการละเมิดกฎของบริษัทที่ห้ามมีสัมพันธ์กับพนักงานไม่ว่าโดยตรงหรืออ้อม
การปลดนายสตีฟ วัย 52 ปี ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารมาตั้งแต่ปี 2558 มีขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จากการที่เขา “การมีวิจารณญาณที่ไม่ดี”
ในอีเมลถึงพนักงาน อีสเตอร์บรู๊ค ยอมรับว่าเขามีความสัมพันธ์กับพนักงานและบอกว่ามันเป็นความผิดพลาด เขากล่าวว่า เนื่องจากคุณค่าของบริษัท เขาเห็นด้วยกับบอร์ดว่าถึงเวลาที่ต้องเดินหน้าต่อไป (พ้นจากตำแหน่ง)
ต่อมาคณะกรรมการบริหารได้แต่งตั้ง นายคริส เคมพ์ซินสกี (Chris Kempczinski ) อายุ 51 ปี ประธานของแมคโดนัลด์สหรัฐอเมริกา เป็น CEO คนใหม่ และซีอีโอคนใหม่ Kempczinski ดำรงตำแหน่งประธานของ McDonald’s USA ทั้งนี้ แมคโดนัลด์ภายใต้การนำของนายสตีฟ เขาบริหารจนหุ้นของแมคโดนัลด์เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
แน่นอนตัวเลขเหล่านี้ยังห่างมากเมื่อเทียบกับ iPhone และหากเทียบกันในเรื่องของราคาและปริมาณของสินค้ากับคอมพิวเตอร์ก็คงจะเทียบไม่ได้(MacBook หนึ่งเครื่องซื้อ Apple Watch ได้ไม่รู้กี่เรือน) แต่ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าตลาดที่รองรับสินค้าประเภทนี้กำลังเจริญเติบโตและโตเร็วมาก. ซึ่งนั่นหมายถึงการกระตุ้นให้เกิดความหลากหลายของสินค้าประเภทเครื่องประดับไอทีมากขึ้น อย่างเช่นแหวน, แว่นตาเป็นต้น.
ยิ่งลักษณ์ โดรน – เมื่อวันที่ 5 พ.ย. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์รูปภาพผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมนายทักษิณ ชินวัตร พี่ชายและอดีตนายกรัฐมนตรี กำลังทดลองนั่งโดรนไร้คนขับ ซึ่งพัฒนาโดยจีน ความว่า
“ดิฉันกับพี่ชายได้มีโอกาสทดลองเทคโนโลยี โดรน ของประเทศจีนที่การพัฒนา ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นสำหรับโดยสาร หรือใช้ขนของได้ และมีใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมยานพาหนะโดยไม่ต้องใช้คนขับ ระบบจะทำให้ผู้ควบคุมสามารถมองเห็นได้ตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัย และสามารถใช้จีพีเอสกำหนดเป้าหมายได้ขึ้นลงแต่ลงจุดได้
ดิฉันเชื่อว่าในอนาคตจะมีการประยุกต์ใช้โดรนในหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นพาหนะรับส่งผู้โดยสาร หรือแม้แต่ส่งของได้รวดเร็วขึ้น
เลยอยากถือโอกาสมาเล่าสู่กันฟังเพื่อในอนาคตเราจะได้รับมือกับเทคโนโลยีใหม่ๆที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตประจำวันได้ค่ะ”
สื่อญี่ปุ่นเตือน หลังสาวญี่ปุ่นมาเที่ยวไทย โดนยุงกัด ติดไวรัสซิกา
วานนี้ (2 พ.ย.) เพจครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่น ได้แชร์ข่าวที่กำลังเป็นที่สนใจและถูกพูดถึงในญี่ปุ่นขณะนี้ หลังหญิงชาวญี่ปุ่น อายุ 30 ปี จากเมืองคาเกคาวะ ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสซิก้า (Zika) เพราะเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย ในช่วงเดือนต.ค.ที่ผ่านมา
เมื่อหญิงสาวรายดังกล่าวเดินทางกลับไปถึงบ้านที่ญี่ปุ่น ก็เริ่มมีอการผื่นขึ้น เมื่อไปพบแพทย์ก็ได้รับการวินิจฉัยว่า ได้ติดเชื้อไวรัสซิกา ซึ่งตอนนี้ได้รับการรักษาจนหายแล้ว โดยทางการเชื่อว่าเชื้อดังกล่าวยังไม่น่าจะแพร่กระจายไปให้คนอื่น และทางการได้ขอให้ประชาชนระวัง อย่าให้ยุงกัดเมื่อเดินทางไปยังประเทศที่ระบาด หรือเสี่ยงต่อโรคนี้
ทั้งนี้ โรคไข้ซิกาเกิดจากการติดเชื้อไวรัสซิกา ซึ่งอยู่ในตระกูลฟลาวิไวรัส (Flavivirus) มียุงลายเป็นพาหะนำโรค โดยยุงที่เป็นพาหะนำโรคไข้ซิกาเป็นชนิดเดียวกันกับยุงที่เป็นพาหะของโรคไข้เลือดออก โรคไข้ปวดข้อยุงลาย หรือชิกุนคุนยา (Chikungunya) และไข้เหลือง
ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคไข้ซิกาโดยเฉพาะ ซึ่งการรักษาทำได้ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ และรักษาตามอาการ เช่น ใช้ยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้หรือบรรเทาอาการปวด อย่างไรก็ตาม ห้ามรับประทานยาแอสไพรินหรือยากลุ่มลดการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เนื่องจากยาบางชนิดเป็นอันตรายสำหรับโรคนี้ โดยอาจทำให้เลือดออกในอวัยวะภายในได้ง่ายขึ้น
การป้องกันโรคไข้ซิกานี้ คือพยายามระมัดระวังไม่ให้ยุงกัด และกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย หากพบว่าตนเองมีอาการไข้ ออกผื่น ตาแดง ปวดข้อ หรืออาการที่สงสัยว่าอาจเป็นโรคนี้ โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ ควรรีบปรึกษาแพทย์และเข้ารับการรักษาทันที และหญิงตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาด แต่หากจำเป็นต้องเดินทาง ควรปรึกษาแพทย์และป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัด
นอกจากการเดินทางอันแสนพิลึกนี้แล้วนั้น Miles ยังชอบที่จะเปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ อย่างไม่จำเป็นเสมอ อาทิ สถานที่ที่เขาอยู่ในเวลานั้น (Doxing) ภายในประเทศอัฟกานิสถาน เช่น บ้านพักที่ชาวต่างชาติอาศัยอยู่เพื่อรอการอพยพ และข้อมูลของไกด์ (ล่ามแปลภาษา) ที่นำทางเขาตลอดการท่องเที่ยว
ในส่วนที่ว่าทำไมเขาถึงถูกเรียกว่า Lord นั้น มาจากการที่เขานั้นได้ไปซื้อโฉนดปลอม และเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อเป็นยศศักดิ์ Lord ซึ่งเขาได้เผยใน 4Chan หากเขาถูกจับไปเรียกค่าไถ่โดยกองกำลังตาลีบันนั้น เขาก็จะถูกพิจารณาให้ความสำคัญเพราะยศศักดิ์ที่ว่านี้
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง