สุดเศร้า! ตึกถล่ม ใส่ รถประจำทาง เกาหลีใต้ ดับ 9 ศพ

สุดเศร้า! ตึกถล่ม ใส่ รถประจำทาง เกาหลีใต้ ดับ 9 ศพ

เกิดเหตุสลดขึ้น เมื่อ ตึกถล่ม ลงมาใส่รถประจำทางที่ขับผ่าน ในประเทศ เกาหลีใต้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 9 ศพ และได้รับบาดเจ็บ 8 ราย เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน สำนักข่าว BBC รายงานว่า เกิดเหตุตึกถล่มห้าชั้นใส่รถประจำทางที่กำลังแล่นผ่านในนครกวางจู ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันที่ 9 มิถุนายน ตามเวลาต้องถิ่น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 9 ศพ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 8 ราย ซึ่งผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นผู้โดยสารบนรถประจำทาง

โดยตึกดังกล่าวถล่มลงมาขณะที่ เจ้าหน้าที่กำลังทุบทำลายตึกดังกล่าว อย่างไรก็ตามยังไม่มีการเปิดเผยแน่ชัดถึงสาเหตุที่ตึกสูงพังถล่มลงมา

ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังเร่งให้ความช่วยเหลือและเร่งตามหาผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้

ย้อนกลับไปในเดือนมิถุนายน ปี 1995 ได้เกิดเหตุห้างสรรพสินค้าซัมปุงพังถล่มลงมาและเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 500 ศพ โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นถือเป็นหนึ่งในเหตุอาคารพังถล่มในนอกเหนือจากการทำสงครามที่เลวร้ายที่สุดเป็นประวัติการณ์

3 หญิง 7 ชาย คุณแม่ในแอฟริกาใต้ ผุดสถิติโลก คลอดลูกแฝด 10 คน รอ กินเนส เวิลด์ เรคคอร์ดส์ ออกใบประกาศอย่างเป็นทางการ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที 7 มิ.ย. 64 ตามเวลาท้องถิ่น นางโกเซียเม ธามารา ซิตโฮล วัย 37 ปี ให้กำเนิดทารกแฝด 10 คน ด้วยวิธีการผ่าคลอด ที่โรงพยาบาลใน กรุงพริทอเรีย เมืองหลวงของแอฟริกาใต้ จากรายงานของเดอะ มิร์เรอร์

นางโกเซียเม เล่าว่า “ตอนแรกที่ตั้งท้อง หมอบอกกับเธอว่าเป็นลูกแฝด 6 คน แต่พอทำการอัลตร้าซาวนด์ พบว่ามี 8 คน แต่พอคลอดจริงกลับออกมา 10 คน” การคลอดลูกแฝด 10 คนเที่ยวนี้ จากรายงาน เผยว่า เป็นเด็กผู้ชาย 7 คน เด็กผู้หญิง 3 โดยเป็นการคลอดก่อนกำหนดในช่วง 29 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์

นางโกเซียเม ซึ่งประกอบอาชีพเป็นผู้จัดการร้านค้าปลีกแห่งหนึ่งในเมือง เธมบิซา (Thembisa) เคยให้กำเนิดทารกแฝดมาแล้วก่อนหน้า 2 ราย กับสามี เตโบโฮ โซเตตซี

การตั้งครรภ์เที่ยวนี้เธอเล่าว่าต้องเจอกับความยากลำบากทีเดียว เพราะช่วงต้นปี เธอทั้งเผชิญกับอาการป่วย ปวดขาและมีอาการเสียดท้อง

ด้าน กินเนส เวิลด์ เรคคอร์ดส์ กำลังตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อบันทึกสถิติใหม่การมีลูกแฝดมากที่สุดในโลก หากเป็นเรื่องจริง โดยก่อนหน้านี้สถิติหญิงคลอดลูกแฝดมากที่สุดเป็นของ คุณแม่ ฮาลิมา ซิสเซ หญิงชาวมาลี ซึ่งเคยคลอดลูกแฝด 9 คน ที่โมร็อกโก เมื่อเดือนที่แล้ว

เกิดอะไรขึ้นกับประเทศ ประยุทธ์ ข้องใจเอาผู้ต้องหา แถลงสู้คดีในสภา

พล.อ. ประยุทธ์ จันโอชา นายกรัฐมนตรี ไม่เข้าใจ เกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย เอาผู้ต้องหา แถลงสู้คดีในสภา ขณะลุกขึ้นอภิปรายชี้แจงการออก พ.ร.ก เงินกู้เพิ่ม 5 แสนล้านบาท ทำเอาเกือบลืมเรื่องงบฯ หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โพล่งกลางสภา ระหว่างอภิปรายชี้แจงการออก พ.ร.ก เงินกู้เพิ่ม 5 แสนล้านบาท เมื่อวานนี้ (9 มิ.ย.64) ถามเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ? เวทีรัฐสภาอะไรได้บ้าง หลังทุกคนเอาแต่ ด่านายก ไล่นายก

นอกจากนี้ไม่เข้าใจ ทำไมเอาผู้ต้องหามาแถลงสู้คดีใต้ถุนสภา

หลังจากในวันเดียวกัน ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด พา นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” ผู้ต้องหาคดีน้องชมพู่ ที่อยู่ระหว่างประกันตัวชั้นศาลเข้ามาพบ นายสิระ เจนจาคะ ประธานกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ให้ตรวจสอบตำรวจที่จับกุมลุงพล มีการแถลงข่าว หลังแถลงเสร็จ ลุงพลผูกผ้าขาวม้าให้นายสิระ แวดล้อมด้วยผู้สื่อข่าวและคนจำนวนมากเต็มใต้ถุนรัฐสภา

“ด่านายก ไล่นายก ออกสักที มันใช่เวทีไหม ทำอะไรได้บ้างที่รัฐสภา เมื่อกี้ก็เอาผู้ต้องหา มาแถลงสู้คดีอยู่ข้างล่าง ใต้ถุนรัฐสภาเนี่ย มันอะไรเกิดขึ้นในประเทศไทยเนี่ย ผมไม่รู้ “ นายกรัฐมนตรี กล่าว

ช่วงท้าย นากยกฯ เอ่ย ถ้ามีปัญหาต่างๆ อะไรก็ตาม ตนได้มอบให้ผู้ที่เกี่ยวข้องชี้แจง “ถ้ามีอะไรผิดตกบกพร่อง ผิดพลาดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ ด้วยแล้วกัน นะ กราบขอบพระคุณท่านประทานสภาไปยังสมาชิกที่เคารพ ที่รักทุกคน สวัสดีครับ”

สำหรับการอภิปราย การออก พ.ร.ก เงินกู้เพิ่ม 5 แสนล้านบาท เมื่อวานนี้ มีไฮไลท์ของ ส.ส. จากหลายพรรคที่ตั้งคำถามถึงตัวคนกู้เงินอย่าง พล.อ. ประยุทธ์ ไม่น่าจะมีความสามารถในการบริหารเงินกู้ก้อนนี้ได้

อาทิ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส. “ไทยศรีวิไลย์” บอกกลางสภา พล.อ.ประยุทธ์ ก่อหนี้มหาศาล มีปัญญาใช้หนี้หรือไม่ แต่ดูแล้วยังหนังหนา หน้าทน อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์”

นาย ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ฉีกเอกสารกู้เงิน 5 แผ่น กลางสภา พร้อมกล่าวบางตอนว่า “คนกู้เงิน คนใช้เงิน คือ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไร้ความสามารถในการบริหารเงินที่มีอยู่ แต่ยังมีหน้าจะไปกู้เงินมาบริหารอีก”

นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังสามารถช่วยเหลือผู้ประสบเหตุได้สองราย และนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดเผยแน่ชัดถึงอาการของผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่มีประชาชนภาคพื้นดินได้รับบาดเจ็บ โดยโฆษกกองทัพระบุว่าสภาพอากาศที่เลวร้ายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ และทางเจ้าหน้าที่ยังคงประจำอยู่ที่จุดเกิดเหตุ

Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่า